search icon

ฉลากฉ้อฉน ที่หลายคน เข้าใจผิด!!!


No Sugar Added , Sugar Free ข้อความข้างกล่อง แปลว่าไม่มีน้ำตาลจริงหรือ?!!?

 

“ความเข้าใจผิดเมื่อดูฉลากอาหารนั้นเป็นเรื่องค่อนข้างธรรมดา เพราะผู้บริโภคเกินกว่าครึ่งนั้นไม่ค่อยเข้าใจข้อมูลโภชนาการบนฉลากสักเท่าใด” จากบทความชื่อ 16 Most Misleading Food Labels

 

3.png2.png

 

วันนี้แอดมินจึงอยากจะยกตัวอย่าง 2 วลี สุดฮิตที่มักพบบนฉลากสินค้าอาหาร ที่หลายคนมักเข้าใจผิดกันอยู่บ่อยๆ(ว่าไม่มีน้ำตาล) มาให้เพื่อนๆได้เข้าใจกันมากขึ้นค่ะ ซึ่งวลีแรกก็คือ

 

4.png

Sugar free (ปราศจากน้ำตาล) ผู้บริโภคทั่วไปมักเข้าใจ (เอง) ทันทีที่เห็นวลี Sugar free หรือ ไม่มีน้ำตาล บนฉลากอาหารว่า ไม่มีน้ำตาลทรายเลยสักโมเลกุลเดียว แต่จริงๆแล้ว ผลิตภัณฑ์ Sugar Free บางชนิดก็อาจจะแฝงไปด้วยสารให้ความหวาน ซึ่งสารให้ความหวานบางตัวทำหน้าที่หลอกลิ้นเราว่าหวานแต่สมองที่ต้องการน้ำตาลจริง ไม่ได้รับความหวานตามที่ต้องการ จึงทำให้เรากินมากขึ้นเพื่อรับน้ำตาลตามที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน และ พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล ได้ให้ข้อมูลเรื่องนี้ไว้ว่า การบริโภคน้ำตาลเทียมต่อเนื่อง กระตุ้นกลไกในสมอง ส่งผลให้สมองโหยหาอาหารมากขึ้น หิวเก่งขึ้น และกินมากขึ้นกว่าปกติราว 30% ซึ่งแน่นอนว่า เป็นการกินไปแบบไม่ค่อยรู้ตัวเท่าไร พบว่า เมื่อกินน้ำตาลเทียมร่วมกับอาหาร จะส่งผลให้ระดับน้ำตาลและอินซูลินในเลือดขึ้นสูงกว่าการกินอาหารกับน้ำเปล่า นั่นหมายความว่า แม้น้ำตาลเทียมจะไม่ใช่น้ำตาล แต่ก็กระตุ้นการตอบสนองของอินซูลินในร่างกาย และมีความเป็นไปได้ ที่จะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอ้วนลงพุงหรือเบาหวานได้เช่นกัน

 

5.png

No sugar added (ไม่เติมน้ำตาล) วลีนี้มีการใช้มากพอควรเพื่อเรียกร้องความสนใจจาก ลูกค้าที่กำลังควบคุมน้ำหนักหรือ (กำลังจะ)เป็นผู้ป่วยเบาหวานซึ่งต้องการกินอาหารที่มีแคลอรีต่ำ

น้ำตาลที่อยู่ในผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ มีอยู่หลายชนิด แต่หากอธิบายคร่าวๆ ในกรณีนี้ หมายถึง น้ำตาลที่มีอยู่ในอาหารเหล่านั้นตามธรรมชาติ (Naturally occurring sugar) เช่น น้ำตาลจากผัก ผลไม้ นมสด ที่เป็นรสหวานจากน้ำตาลที่มีอยู่ในอาหารเหล่านั้นตามธรรมชาติ อีกชนิดคือน้ำตาลที่ใส่เพิ่มลงไปเองโดยผู้ผลิต (Added Sugar) ที่เห็นง่ายๆ คือ เหล่าขนมต่างๆ ที่มีการเติมน้ำตาลเข้าไปเพื่อเพิ่มรสชาติหวานให้กับอาหารเหล่านั้น

ดังนั้น จะเห็น และสรุปได้ง่ายๆ ว่า “No Sugar Added” หมายถึง “ไม่มีการเติมน้ำตาลเพิ่ม” หมายถึงยังคงน้ำตาลตามธรรมชาติในอาหารเหล่าน้้นอยู่นั่นเอง

 

SUGAR FREE (7).png

ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลจากสารทำแทนความหวาน , น้ำผึ้ง, หรือผลไม้เองก็ตาม หากรับประทานมากเกินจำเป็น ก็อาจส่งผลกระทบต่อร่างกายได้เช่นกันนะคะ และ น้ำตาลทรายก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่โทษซะทีเดียว เพราะร่างกายยังต้องการน้ำตาลเพื่อใช้เป็นพลังงานในการทำกิจกรรมต่างๆ ในการดำเนินชีวิตประจำวัน ฉะนั้นสิ่งสำคัญที่ควรตระหนักคือไม่ว่าจะรับประทานน้ำตาลชนิดใด ควรรับประทานในปริมาณที่ไม่เกินความต้องการของร่างกาย โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำปริมาณน้ำตาลที่เติมเพิ่มในอาหารว่าไม่ควรเกินร้อยละ10 ของพลังงานที่ได้รับต่อวัน หรือประมาณ 200 กิโลแคลอรี สำหรับผู้ที่ต้องการพลังงาน 2,000 กิโลแคลอรี และข้อมูลธงโภชนาการของคนไทยยังแนะนำให้บริโภคน้ำตาลที่เติมเพิ่มในอาหารไม่เกิน 4 6 และ 8 ช้อนชา สำหรับผู้ที่ต้องการพลังงาน 1,600 2,000 และ 2,400 กิโลแคลอรีต่อวันตามลำดับ

ซึ่งน้ำตาลพราว ก็เล็งเห็นถึงความสำคัญต่อการบริโภคน้ำตาลของคนไทย เราจึงพัฒนาน้ำตาลขวดที่มีนวัตรกรรมฟังก์ชันฝาจ่ายตวงปริมาณน้ำตาลได้ โดยแบ่งเป็น2ฝั่ง ฝั่งฝาบนเทน้ำตาลได้อย่างต่อเนื่อง และฝาล่างสามารถตวงน้ำตาลได้ 1ช้อนกาแฟต่อการเท1ครั้ง ซึ่งสะดวกต่อการใช้งานมากๆ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการกำหนดการใช้ปริมาณน้ำตาลต่อวัน


ขอขอบคุณข้อมูลจาก พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล

Article

Reduce, Reuse, Recycle, Repair และ Upcycle คืออะไร

ช่วยกันลดภาวะโลกร้อน โดยการใช้ทรัพยากรของโลกให้คุ้มค่าที่สุด ลดปริมาณขยะและรักษาสิ่งแวดล้อม จากหลักการ 4R and Upcycle

More

ICUMSA คืออะไร? (ไอคัมซา?)

ICUMSA ย่อมาจาก International Commission for Uniform Methods of Sugar Analysis คือหน่วยที่ใช้วัดค่าสีของน้ำตาล

More

น้ำตาลเป็นสาเหตุของเบาหวานและโรคอ้วนจริงหรือ? รวมหัวข้อที่เราเข้าใจผิดเกี่ยวกับน้ำตาล

น้ำตาลเป็นสารอาหารที่ให้พลังงานกับร่างกาย ควรบริโภคน้ำตาลที่ดีในปริมาณที่เหมาะสมต่อวัน แต่ก็ยังมีหลายหัวข้อที่เราเข้าใจผิด เกี่ยวกับน้ำตาลทราย

More